ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูง การเลือกวิธีการจัดส่งสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เราจะมาแนะนำข้อดี-ข้อเสีย และข้อได้เปรียบที่แตกต่างกันของการส่งสินค้าแบบออนดีมานด์ (On-demand Delivery) และการส่งสินค้าแบบทั่วไป
การส่งสินค้าด่วนแบบออนดีมานด์
บริการขนส่งสินค้าด่วน ที่มักมาพร้อมแพลตฟอร์มออนไลน์หรือแอปพลิเคชัน ที่สามารถเรียกรถขนส่งให้มาช่วยรับส่งสินค้าได้ผ่านระบบออนไลน์แบบง่ายๆ ด้วยจุดเด่นด้านความสะดวก ความยืดหยุ่น และการรับ-ส่งที่รวดเร็วทันใจ ติดตามได้ มีมาตรฐานในเรื่องของโครงสร้างราคาที่ชัดเจน เช็กราคาได้เองผ่านระบบออนไลน์ได้ง่ายๆ
ในขณะที่การส่งสินค้าแบบทั่วไปเป็นบริการแบบดั้งเดิม ที่มีการนัดหมายวันเวลารับ-ส่งสินค้า แต่มักมีข้อดีในเรื่องของราคาที่ถูกกว่า และความครอบคลุมพื้นที่ให้บริการที่กว้างกว่า รวมถึงมีความยืดหยุ่นในการเจรจาต่อรองกันหน้างานมากกว่าการส่งสินค้าด่วนแบบออนดีมานด์ ที่ต้องยึดถือข้อมูลการตกลงผ่านข้อมูลการสั่งงานผ่านระบบเป็นหลัก เพราะแท้จริงแล้วแพลตฟอร์มแบบออนดีมานด์เดลิเวอรี มีหน้าที่หลักเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงและบริหารระบบรวมถึงบริหารการจัดส่งให้เรียบร้อยด้วยดีทั้งฝ่ายลูกค้าที่ต้องการสั่งงานขนส่ง และฝ่ายพนักงานขับรถร่วมส่งของ จึงจำเป็นต้องยึดถือข้อมูลตามระบบเป็นสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดทั้งในด้านการสื่อสาร และระหว่างการขนส่ง
ข้อดีของบริการส่งสินค้าด่วนแบบออนดีมานด์
ได้แก่ ความรวดเร็ว ความสะดวก ความยืดหยุ่น และการติดตามสถานะแบบเรียลไทม์ เหมาะกับสินค้าเร่งด่วน แต่มีข้อเสียคือค่าบริการสูงกว่า และพื้นที่ให้บริการอาจยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่
ส่วนข้อดีของการส่งแบบทั่วไป คือ ราคาถูกกว่า พื้นที่ครอบคลุมกว้าง และเหมาะกับสินค้าทั่วไป แต่ข้อเสียคือใช้เวลานานกว่า ไม่ค่อยสะดวก ไม่ค่อยยืดหยุ่น และติดตามสถานะสินค้าได้ยาก อาจเกิดการสูญหาย หรือเสียหายได้ง่าย
ส่งสินค้าด่วนแบบออนดีมานด์ หรือ ส่งแบบทั่วไป เลือกแบบไหนดีที่โดนใจลูกค้า
สำหรับการเลือกบริการขนส่งสินค้าให้โดนใจลูกค้ามากที่สุด ควรพิจารณาจาก 4 ปัจจัยหลักเหล่านี้
- ประเภทงาน และลักษณะของสินค้าที่ทำการขนส่ง
- สินค้าเร่งด่วน เน่าเสียง่าย เช่น อาหาร และของสด ควรเลือกแบบออนดีมานด์เพื่อความรวดเร็ว และคงคุณภาพของสินค้า งานเร่งด่วนมากๆ ต้องการให้ขนส่งเสร็จถึงมือผู้รับใน 2-3 ชม.
- สินค้าทั่วไป ไม่เน่าเสีย ส่งช้าได้ เน้นราคาประหยัด เลือกแบบทั่วไปก็สามารถส่งถึงได้เช่นกัน
- พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย
- กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เน้นความสะดวก ถนัดใช้เทคโนโลยี ชอบความรวดเร็ว การขนส่งแบบออนดีมานด์จึงจะตอบโจทย์
- กลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้รีบใช้สินค้านั้นๆ เน้นความคุ้มค่า การส่งแบบปกติทั่วไปก็เหมาะสม
- พื้นที่การจัดส่ง
- ถ้าส่งในกทม. และปริมณฑล การส่งสินค้าด่วนแบบออนดีมานด์จะครอบคลุมและส่งได้ไวตามเวลาที่ต้องการเพราะไม่ต้องนำสินค้าเดินทางไปพักที่คลังสินค้าก่อนกระจายสินค้าไปตามจุดส่งต่างๆ
- ในพื้นที่ต่างจังหวัด พื้นที่ห่างไกล ต้องเลือกผู้ให้บริการที่มีเครือข่ายกว้าง ซึ่งมักเป็นการขนส่งแบบทั่วไป จะมีราคาที่คุ้มค่ากว่า
- งบประมาณด้านต้นทุนการขนส่ง
- ถ้าขายสินค้ามูลค่าสูง ลูกค้ายินดีจ่ายค่าส่งในราคาที่สูงกว่า เลือกส่งแบบออนดีมานด์จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจได้ด้วยความรวดเร็ว และมีบริการที่สุภาพ ควบคุมคุณภาพได้ง่ายขึ้น
- แต่ถ้าสินค้าราคาไม่แพง และราคาส่งมีผลต่อราคาขาย การส่งแบบทั่วไปจะช่วยประหยัดค่าขนส่งได้ดีกว่า
การส่งสินค้าแบบออนดีมานด์จึงเหมาะสำหรับธุรกิจที่เน้นขายสินค้าเร่งด่วน สินค้ามูลค่าสูง การรีบส่งของ ส่งสินค้าระหว่างสาขา ออเดอร์โดยส่วนมากจะจัดส่งอยู่ในเมือง กรุงเทพ-ปริมณฑล และมีงบประมาณด้านการขนส่ง เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, ธุรกิจดอกไม้ ของขวัญ และสินค้าเทศกาล, ธุรกิจเภสัชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์, ธุรกิจแฟชั่นและความงาม เครื่องสำอางค์ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบB2B, ธุรกิจด้านงานเอกสารสำคัญ และ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ส่วนการส่งแบบทั่วไป เหมาะกับธุรกิจที่มีสินค้าหลากหลาย กลุ่มลูกค้าต้องการประหยัดต้นทุนค่าขนส่งมากๆ ดังนั้น การเลือกรูปแบบการขนส่งที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก จะช่วยสร้างความประทับใจ และรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ในระยะยาว
และในปัจจุบัน สกู๊ตตาร์ ให้บริการส่งสินค้าด่วน ส่งเอกสาร และส่งอาหารด้วยคนขับมืออาชีพที่ผ่านการตรวจประวัติ* และอบรมแล้ว หากสนใจสามารถสมัครใช้บริการ และทดลองใช้งานได้ที่ https://www.skootar.com/th/signup