วิธีส่งสินค้าด่วน และกระจายสินค้าอย่างมืออาชีพ

5 แนวทางรับมือกับการส่งสินค้า เมื่อธุรกิจขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

SKOOTAR, ส่งพัสดุด่วน, ส่งของด่วน, ส่งสินค้า, กระจายสินค้าด่วน, ส่งสินค้ากทม. ปริมณฑล

ความท้าทายในการส่งสินค้า และส่งพัสดุด่วนเมื่อธุรกิจเติบโต

  1. ปริมาณการส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 
  2. การจัดการคลังสินค้า ที่ซับซ้อนมากขึ้น
  3. ความต้องการส่งของด่วนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการส่งของด่วนในกรุงเทพ และปริมณฑล
  4. การรักษามาตรฐานการบริการให้คงที่ในทุกพื้นที่
  5. การจัดการต้นทุนการขนส่งที่อาจเพิ่มสูงขึ้นได้

5 แนวทางรับมือกับการส่งสินค้าด่วน ในกทม. และปริมณฑล เมื่อธุรกิจขยายตัว

  1. วางแผนการกระจายสินค้าอย่างเป็นระบบ: วางแผนการกระจายสินค้าที่ครอบคลุมทั้งการส่งพัสดุด่วนและการส่งแบบปกติ เพื่อให้สามารถจัดการกับปริมาณงานที่อาจเพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย: ลองเลือกใช้แอปขนส่งด่วนมาใช้ในการจัดการการขนส่ง ช่วยให้การติดตามสถานะสินค้าได้ง่าย และการจัดการคำสั่งซื้อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. พัฒนาระบบการจัดการคลังสินค้า: ใช้ระบบที่ทันสมัยเพื่อควบควบคุมสต็อกและเพิ่มความรวดเร็วในการจัดเตรียมสินค้าสำหรับการส่งของด่วน กทม. และพื้นที่อื่นๆ
  4. รักษาความน่าเชื่อถือ: เลือกใช้ผู้ให้บริการขนส่งที่ สุภาพ เป็นมืออาชีพ และสามารถไว้ใจได้โดยจะต้องเกิดการตีกลับ หรือพัสดุส่งผิดที่อย่างน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
  5. เลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่ตอบโจทย์: ร่วมมือกับผู้ให้บริการขนส่งที่มีความเชี่ยวชาญในการส่งสินค้าและกระจายสินค้าด่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบสินค้า

เลือกบริการส่งสินค้าด่วน ที่มีโซลูชันหลากหลายและฟีเจอร์รองรับธุรกิจ

การเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่มีโซลูชันครบวงจรถือเป็นกุญแจสำคัญในการจัดกการการกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรพิจารณาผู้ให้บริการที่มีคุณสมบัติดังนี้

  1. บริการที่หลากหลาย: ครอบคลุมทั้งการส่งพัสดุด่วน, ส่งของด่วน, และบริการส่งของในกรุงเทพ และปริมณฑล รวมถึงการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่
  2. ใช้งานง่าย รองรับทั้งเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน:  เลือกใช้บริการขนส่งที่สามารถติดตามสถานะการจัดส่ง, และจัดการข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. มีระบบรองรับการจัดการสำหรับธุรกิจ: มีฟีเจอร์ที่รองรับการใช้งานแบบธุรกิจ เช่น ฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง, มี Dashboard สรุปการสั่งงาน รวมถึงการติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์
  4. มีบริการเสริมที่ตอบโจทย์ธุรกิจ: เช่น บริการเก็บเงินปลายทาง , บริการช่วยยกของโดยคนขับ , ส่งคืนใบส่งสินค้า (POD) ทางไปรษณีย์ , มีประกันสินค้า และประเภทรถที่หลากหลาย
  5. ความใส่ใจของผู้ให้บริการขนส่ง: มีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในการใช้งานให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ และพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเมื่อเกิดปัญหาต่างๆ 

การเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่มีคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถจัดการกับการขยายตัวของฐานลูกค้าได้อย่างราบรื่น ทั้งยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการกระจายสินค้า ควบคุมต้นทุน และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าในระยะยาว โดย สกู๊ตตาร์ ขนส่งด่วนออนไลน์มือโปร มีบริการ และฟีเจอร์ที่รองรับการใช้งานส่งพัสดุด่วนสำหรับธุรกิจ และสามารถออกบบโซลูชันการขนส่งที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างให้กับหลากหลายธุรกิจได้ สามารถทดลองใช้งาน หรือเช็กราคาได้ ที่นี่

ด้วยการวางแผนที่ดีและการเลือกพันธมิตรด้านการขนส่งที่เหมาะสม ธุรกิจของคุณจะสามารถเติบโตและขยายฐานลูกค้าได้อย่างมั่นคง พร้อมรับมือกับความท้าทายในการกระจายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด **ภาพใช้เพื่อประกอบการโฆษณา เท่านั้น

4 ข้อดี ที่ทำให้แมสเซ็นเจอร์มือโปรสกู๊ตตาร์ เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบบริษัท

แมสเซ็นเจอร์ เก็บเช็ค วางบิล ส่งเอกสาร ส่งเอกสารด่วน กทม. ปริมณฑล

แมสเซ็นเจอร์มือโปร ส่งเอกสารด่วน เก็บเช็ค วางบิล ทั่วกทม. และปริมณฑล

หลายธุรกิจในยุคปัจจุบันนี้ มีความต้องการความรวดเร็วและแม่นยำในการส่งเอกสารและทำธุรกรรม การเลือกใช้แมสเซ็นเจอร์มือโปรจึงกลายเป็นส่วนสำคัญของการทำธุรกิจ และโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีรถติดหนักอยู่บ่อยๆ สกู๊ตตาร์ เข้าใจปัญหานี้ดี เราจึงพัฒนาบริการแมสเซ็นเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการส่งเอกสารด่วน เก็บเช็ค หรือวางบิล และการใช้ GPS ช่วยในการนำทางให้กับแมสเซ็นเจอร์ของเรา

ส่งเอกสารด่วน เก็บเช็ค วางบิล กับแมสเซ็นเจอร์มือโปร ดีกว่าอย่างไร

เพื่อการส่งเอกสารที่ราบรื่น ด้วย 4 ข้อดีนี้ที่ทำให้แมสเซ็นเจอร์มือโปร สกู๊ตตาร์ เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบบริษัท

  1. การบริการที่เชื่อถือได้ แมสเซ็นเจอร์ สุภาพ รู้งาน ไว้ใจได้ ผ่านการตรวจสอบประวัติ* และอบรมการทำงานอย่างเข้มงวด มีระบบให้คะแนน Rating คนขับโดยลูกค้า หรือสามารถเลือกคนขับที่บริการดี และถูกใจคุณเป็นแมสเซ็นเจอร์คนโปรด ให้เห็นงานคุณเป็นอันดับแรกๆ ได้

     

  2. บริการที่หลากหลาย แมสเซ็นเจอร์มือโปรสกู๊ตตาร์ ทำได้ทั้งเก็บเช็ค วางบิล ติดต่อราชการ และเดินเอกสารทางเรือ (D/O, B/L) และบริการเสริมอื่นๆ อีกมากมายครบจบในแอปฯ เดียว

     

  3. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการรูปแบบการบริการแบบไหน ไม่ว่าจะเรียกใช้เป็นรายครั้ง เหมาใช้รายวัน หรือจ้างประจำเป็นรายเดือนก็ได้

     

  4. ตอบโจทย์การใช้งานของบริษัท ชำระเงินด้หลายช่องทาง มีรีพอร์ตการสั่งงาน ซึ่งคุณสามารถสั่งงานกี่แอคเคาท์ก็ได้ สกู๊ตตาร์สามารถรวมใบแจ้งหนี้ให้ได้ใน 1 ใบ และถ้าคุณสมัครเป็นลูกค้าแบบบริษัท คุณสามารถวางบิลได้โดยไม่มีขั้นต่ำ* ช่วยให้คุณจัดการเอกสารการเงินได้สะดวกขึ้น

      หากลองนึกภาพการใช้แมสเซ็นเจอร์ทั่วไปที่ไม่มีความชำนาญเฉพาะด้านงานเอกสาร คุณอาจต้องคอยกังวลว่าเอกสารสำคัญจะถึงมือผู้รับหรือไม่ หรือต้องเสียเวลาอธิบายรายละเอียดซ้ำๆ ทุกครั้งที่ส่งงาน แต่กับแมสเซ็นเจอร์มือโปรของสกู๊ตตาร์ คุณจะได้รับบริการที่แตกต่าง พนักงานของเรามีความรู้เฉพาะทางในการจัดการเอกสารสำคัญ เข้าใจขั้นตอนการเก็บเช็ค วางบิล ทำธุรกรรมที่ธนาคาร และการติดต่อหน่วยงานราชการ ช่วยให้คุณประหยัดเวลาและลดความเสี่ยงในการทำงานได้อย่างมาก นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญของเรายังช่วยให้คุณสามารถมอบหมายงานที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การเดินเอกสารทางเรือ (D/O,B/L) ซึ่งต้องอาศัยความรู้เฉพาะด้าน ทำให้คุณสามารถโฟกัสกับงานสำคัญอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับการทำงานของแมสเซ็นเจอร์ สกู๊ตตาร์

ด้วย 4 ข้อดีนี้ บริการแมสเซ็นเจอร์มือโปรของสกู๊ตตาร์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัยในการจัดการเอกสารสำคัญในกทม. และปริมณฑล เพื่อเป็นอีกตัวช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคง

ดูรายละเอียดบริการแมสเซ็นเจอร์เพิ่มเติม

หรือหากคุณสนใจใช้บริการแมสเซ็นเจอร์มือโปร สกู๊ตตาร์ สามารถสมัคร และทดลองใช้งานได้ที่ https://www.skootar.com/signup และหากสนใจสมัครเป็นลูกค้าบัญชีธุรกิจ สามารถลงทะเบียนได้ ที่นี่ และฝ่ายขายจะติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด

 

บทความที่เกี่ยวข้อง : แมสเซ็นเจอร์มือโปร ส่งเอกสาร ส่งของด่วน ไม่มีวันหยุด

บริการแมสเซ็นเจอร์รายเดือน รายวัน แบบไหนประหยัดกว่า

เปรียบเทียบบริการแมสเซ็นเจอร์รายวัน และรายเดือน เพื่อการขนส่งที่ประหยัดกว่าสำหรับธุรกิจคุณพร้อมเคล็ดลับเลือกใช้บริการอย่างคุ้มค่า

แมสเซ็นเจอร์ส่งเอกสาร แมสเซ็นเจอร์รายวัน เเมสเซ็นเจอร์รายเดือน ส่งเอกสารด่วน

บริการแมสเซ็นเจอร์รายวัน vs รายเดือน เลือกแบบไหนให้ประหยัดสุด

การส่งเอกสารและพัสดุถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญทางธุรกิจอย่างมาก ดังนั้นการเลือกบริการแมสเซ็นเจอร์ที่เหมาะสมจะสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ของคุณได้ดี ซึ่งราคาของการจ้างแมสเซ็นเจอร์รวมค่าน้ำมัน ค่าสึกหรอ สวัสดิการ และประกันอุบัติเหตุของคนขับแล้ว* โดยในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบระหว่างบริการแมสเซ็นเจอร์รายวันและรายเดือน ว่าแบบไหนที่สามารถตอบโจทย์ และช่วยควบคุมงบประมาณให้คุณได้ตามรูปแบบการใช้งานที่ต้องการ

แมสเซ็นเจอร์รายวัน แบบเหมาชั่วโมง ได้บริการแบบยืดหยุ่นแต่ประหยัดจริงไหม?

บริการแมสเซ็นเจอร์รายวันแบบเหมาชั่วโมง เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีความต้องการใช้บริการไม่สม่ำเสมอตลอดเดือน แต่อาจจะมีบางวันที่มีความต้องการใช้งานการขนส่งจำนวนมาก

ข้อดีของแมสเซ็นเจอร์รายวันแบบเหมาชั่วโมง

– จ่ายค่าบริการเฉพาะชั่วโมงที่ใช้งานจริง สกู๊ตตาร์มีให้เลือก 2 แพคเก็จ คือเหมา 4 ชม. และเหมา 9 ชม. 

– ไม่มีข้อผูกมัดระยะยาว เลือกแบบเหมา 9 ชม.* หรือแบบเหมา 4 ชม.* ก็ได้ 

– เหมาะกับธุรกิจที่มีปริมาณงานไม่แน่นอน เช่น ต้องการใช้แมสเซ็นเจอร์แค่บางวันเท่านั้น

ข้อเสียของแมสเซ็นเจอร์รายวันแบบเหมาชั่วโมง

– ราคาต่อวันอาจสูงกว่าเมื่อเทียบกับแบบรายเดือน 

– อาจไม่ได้รับบริการจากพนักงานคนเดิมทุกครั้ง 

– ต้องวางแผนล่วงหน้าเพื่อจองบริการ

แมสเซ็นเจอร์รายเดือน คุ้มค่ากว่าในระยะยาวมากแค่ไหน?

บริการแมสเซ็นเจอร์รายเดือนเหมาะสำหรับบริษัทที่มีความต้องการใช้บริการอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วัน

ข้อดีของแมสเซ็นเจอร์รายเดือน

– ประหยัดค่าใช้จ่าย และได้แพ็กเกจที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว 

– มีพนักงานประจำที่คุ้นเคยกับระบบของบริษัท 

– สามารถวางแผนและจัดการงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องคอยสอนงานแมสฯ บ่อย

ข้อเสียของแมสเซ็นเจอร์รายเดือน

– มีค่าใช้จ่ายคงที่แม้ในวันที่ใช้งานน้อย

– อาจไม่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่มีปริมาณงานน้อยหรือไม่แน่นอน

– มีค่าใช้จ่ายคงที่แม้ในวันที่ใช้งานน้อย

– อาจไม่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่มีปริมาณงานน้อยหรือไม่แน่นอน

เปรียบเทียบความคุ้มค่า รายวัน vs รายเดือน

โดยการคำนวณความคุ้มค่าขึ้นอยู่กับปริมาณงานและความถี่ในการใช้บริการของแต่ละธุรกิจ

ตัวอย่างค่าบริการแมสเซ็นเจอร์รายวันแบบเหมาชั่วโมง และรายเดือน

ตัวอย่างเช่น: 

  • ค่าบริการรายวันแบบเหมา 9 ชั่วโมง: 900 บาท/วัน*  
  • ค่าบริการรายเดือน: 18,500 บาท/เดือน*

หากใช้บริการ 30 วัน/เดือน

  • รายวันแบบเหมา 9 ชั่วโมง: 27,000 บาท/เดือน*
  • รายเดือน: 18,500 บาท/เดือน*

     

*ค่าบริการแมสเซ็นเจอร์รายเดือนเป็นเพียงค่าบริการที่ยกตัวอย่างขึ้นมาไม่ได้มีการอ้างอิงจากผู้ให้บริการอื่นๆ ทั้งสิ้น
*เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรศึกษาข้อมูลราคาเพิ่มเติมได้ ที่นี่

เลือกบริการแมสเซ็นเจอร์อย่างไรให้ประหยัดที่สุด?

  1. วิเคราะห์ปริมาณงานและความถี่ในการใช้บริการของบริษัท
  2. คำนวณค่าใช้จ่ายทั้งแบบรายวัน และรายเดือนอย่างละเอียด
  3. พิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น ความยืดหยุ่น และช่วงเวลาในการใช้งานแต่ละครั้ง ลักษณะการให้บริการ และความต้องการว่าต้องการมีแมสฯ ประจำหรือไม่
  4. ทดลองใช้บริการแบบรายวันก่อน เพื่อประเมินความต้องการที่แท้จริง และหากมีการใช้บริการบ่อยครั้ง อาจพิจารณาเปลี่ยนเป็นแบบรายเดือนเพื่อความคุ้มค่าในระยะยาว

แมสเซ็นเจอร์รายวันแบบเหมาชั่วโมง / รายเดือนของสกู๊ตตาร์ ราคาเท่าไหร่บ้าง

แพ็กเกจ เหมาวัน แบบรายชั่วโมง

 

  • มินิเหมา : 4 ชั่วโมง
    ปกติ 550 บาท ลดเหลือ 500 บาท*
    (ระยะทางไม่เกิน 50 กม.)
  • บิ๊กเหมา : 9 ชั่วโมง
    ปกติ 1,000 บาท ลดเหลือ 900 บาท*
    (ระยะทางไม่เกิน 100 กม.)

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

แมสเซ็นเจอร์รายเดือน แมสเซ็นเจอร์รายวัน ส่งเอกสาร

จ้างแมสฯ รายเดือน

 

  • 17,500 บาท / คน* ระยะทางรวมไม่เกิน 1,000 กม.*
  • 18,500 บาท / คน* ระยะทางรวมไม่เกิน 2,000 กม.*

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

สรุป แมสเซ็นเจอร์แบบไหนประหยัดกว่า?

การใช้บริการแมสเซ็นเจอร์แบบที่สามารถช่วยให้คุณประหยัดและคุ้มค่าได้นั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละธุรกิจเป็นหลัก ดังนั้นจึงจะไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าบริการแมสเซ็นเจอร์รูปแบบไหนที่จะประหยัดมากกว่า 

  • แมสเซ็นเจอร์รายวันแบบเหมาชั่วโมง จะประหยัดกว่าสำหรับธุรกิจที่มีปริมาณงานไม่แน่นอนหรือใช้บริการไม่บ่อยนัก 
  • แมสเซ็นเจอร์รายเดือน จะคุ้มค่ากว่าสำหรับบริษัทที่มีความต้องการใช้บริการสม่ำเสมอและมีปริมาณงานมาก

โดยคุณสามารถปรึกษาผู้ให้บริการเพื่อหาโซลูชันการใช้งานที่เหมาะสมกับคุณในราคาที่คุ้มค่าได้ หรือสนใจลองใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจสามารถกด เรียกแมสเซ็นเจอร์รายวันแบบเหมาชั่วโมงของสกู๊ตตาร์ได้ที่นี่ หรือสนใจใช้บริการแบบรายเดือนสามารถ ลงทะเบียนบัญชีธุรกิจ เพื่อให้ฝ่ายขายติดต่อกลับได้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

*เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด *สกู๊ตตาร์ให้บริการเฉพาะพื้นที่กทม. และปริมณฑล
*ภาพในบทความใช้เพื่อประกอบการโฆษณาเท่านั้น

รถกระบะรับจ้างขนของเหมาคัน กทม.ปริมณฑล ช่วยเซฟค่าขนส่งได้อย่างไร

ประหยัดค่าขนส่งด้วยรถกระบะรับจ้างขนของแบบเหมาคัน
พร้อมระบบจัดเรียงเส้นทาง* ครอบคลุมกรุงเทพและปริมณฑล ราคาคุ้มค่า ส่งเร็ว ปลอดภัย

รถกระบะรับจ้าง รถกระบะส่งของ รถกระบะรับจ้าง ส่งสินค้า ส่งพัสดุ

รถกระบะรับจ้างขนของเหมาคัน ช่วยประหยัดราคาค่าขนส่งสินค้าในกรุงเทพ และปริมณฑล

ในยุคที่ค่าขนส่งเป็นต้นทุนสำคัญของธุรกิจ การเลือกใช้บริการรถกระบะส่งของที่เหมาะสมจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการลดค่าใช้จ่าย มาดูกันว่าทำไมบริการรถกระบะรับจ้างแบบเหมาคันของเราจึงช่วยเซฟค่าขนส่งแบบมีประสิทธิภาพได้

รถกระบะขนของราคาเหมาคัน ประหยัดกว่าอย่างเห็นได้ชัด

  1. ใช้พื้นที่รถได้คุ้มค่า เมื่อส่งแบบเหมาคัน คุณสามารถใช้พื้นที่บรรทุกได้เต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณสินค้า ช่วยลดต้นทุนต่อชิ้นในการขนส่ง
  2. ราคาชัดเจน บริการรถกระบะส่งของเหมาคัน สกู๊ตตาร์ มีราคาเหมาจ่ายที่ชัดเจน คิดตามระยะทางจริง ช่วยให้คุณวางแผนงบประมาณได้ง่ายขึ้น
  3. สั่งงานครั้งเดียวส่งหลายจุดประหยัดเวลาได้ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องส่งสินค้าหลายจุดในกรุงเทพและปริมณฑล ลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการจ้างขนส่งแยกแต่ละจุด อีกทั้งทำให้คุณสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการสั่งงาน

รถกระบะส่งสินค้าเหมาคัน มีระบบฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง* ประหยัด และรวดเร็วขึ้น

รถกระบะรับจ้างส่งของ จากสกู๊ตตาร์ช่วยคุณประหยัดค่าขนส่งให้คุณได้ทั้งราคาที่คิดเหมาคัน และฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง* สำหรับการขนส่งในหลายพื้นที่ ทั้งช่วยลดระยะทางและเวลาในการขนส่งของ ระบบจะคำนวณเส้นทางที่รวดเร็ว และประหยัดให้คุณ ช่วยให้คุณจัดลำดับการส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

รถกระบะรับจ้าง รถกระบะส่งของ รถกระบะรับจ้าง ส่งสินค้า ส่งพัสดุ

4 ข้อดีห้ามพลาด เมื่อใช้รถกระบะรับจ้างขนของสกู๊ตตาร์

  1. บริการเสริมคนช่วยยก* : ลดภาระให้พนักงานของคุณ ช่วยลดเวลาในการขนย้าย หรือขนสินค้าขึ้นรถ
  2. ปลอดภัยไว้ใจได้ : คนขับสกู๊ตตาร์ผ่านการอบรม และตรวจประวัติแล้ว* ติดตามได้ผ่านระบบ GPS
  3. จองรถล่วงหน้า : วางแผนการขนส่งได้ตามแพลนของคุณ ทำให้ควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น
  4. มีประกัน* : เพิ่มความอุ่นใจ ลดความเสี่ยงระหว่างขนส่ง

การเลือกใช้บริการรถกระบะรับจ้างขนของแบบเหมาคัน พร้อมฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง* จากสกู๊ตตาร์ ไม่เพียงแต่ช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในการขนส่ง แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของคุณ ด้วยความคุ้มค่า สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

หากสนใจใช้บริการสามารถทดลองใช้งาน SKOOTAR ขนส่งด่วนออนไลน์มือโปร ได้ที่ https://www.skootar.com/th/signup หรือใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน ได้ทั้งระบบ iOS และ Android

*สกู๊ตตาร์ให้บริการเฉพาะพื้นที่กทม. และปริมณฑล *ภาพในบทความใช้เพื่อประกอบการโฆษณาเท่านั้น
*ระบบฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง สามารถใช้ได้ผ่านทางเว็บไซต์เท่านั้น *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ส่งพัสดุด่วน กทม. ปริมณฑล เร็วสุดใน 2 ชม.* กับมืออาชีพ

ส่งพัสดุด่วน กทม. ส่งสินค้าด่วน ส่งของด่วน

ส่งพัสดุด่วน กทม. ปริมณฑล เร็วสุดใน 2 ชม.* กับมืออาชีพ

ในปัจจุบันความรวดเร็วก็ถือเป็นหนึ่งในเป็นปัจจัยสำคัญในการขนส่ง ดังนั้นการส่งพัสดุด่วนในกทม. และปริมณฑลให้ถึงมือผู้รับภายใน 2 ชั่วโมง* จึงกลายเป็นบริการที่มีความต้องการสูง บทความนี้จะแนะนำวิธีการเลือกบริษัทส่งพัสดุด่วนอย่างมืออาชีพ เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เลือกบริการส่งพัสดุด่วนที่ไว้ใจได้ใน กทม. และปริมณฑล

สิ่งที่สำคัญมาก คือต้องเลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือมาเป็นอันดับแรก อย่างเช่น

  • มีรีวิว ข้อดี-ข้อเสียจากลูกค้าจริง
  • มีระบบติดตามพัสดุผ่าน GPS ที่มีประสิทธิภาพ 
  • มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมชัดเจน กทม. และปริมณฑล
  • ทีมที่ให้บริการมีความเป็นมืออาชีพ เชื่อถือได้
ส่งพัสดุด่วน กทม. ส่งสินค้าด่วน ส่งของด่วน

เลือกขนส่งที่อบรมพนักงานก่อนออกรับงานจริง

เลือกบริการขนส่งที่คนขับผ่านการอบรมการทำงาน เพื่อการสื่อสารกับทั้งคุณและลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือถ้าให้มั่นใจยิ่งขึ้นคนขับควรได้รับการตรวจประวัติ* ด้วย 

ยกตัวอย่าง การส่งพัสดุด่วนที่ต้องอาศัยความสุภาพ มีมารยาทเพื่อให้ผู้รับประทับใจ

       บริษัท B ประกอบธุรกิจส่งของขวัญ ช่อดอกไม้ ลูกค้ามักจะต้องการให้ผู้รับเกิดความประทับใจ ทั้งการมอบของขวัญในโอกาสพิเศษ การมอบของขวัญให้ผู้ใหญ่ที่นับถือ หรือมอบของขวัญให้กับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ จึงต้องเลือกใช้บริการขนส่งที่สามารถเป็นเหมือนตัวแทนของธุรกิจไปส่งให้ถึงมือผู้รับ

ใช้ขนส่งที่นำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการส่งพัสดุด่วน

การส่งพัสดุด่วน กทม. ให้ถึงภายใน 2 ชั่วโมง* ต้องอาศัยการวางแผนเส้นทางที่ดี เช่น การใช้ ฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง* เพื่อหาเส้นทางที่เร็วที่สุด มีระบบ GPS ติดตามตำแหน่งพัสดุและคนขับแบบเรียลไทม์ และสามารถแชร์สถานะได้ง่าย เพิ่มความมั่นใจให้ทั้งคุณและลูกค้า

ตัวอย่างเช่น บริษัท A ต้องการส่งสินค้าตัวอย่างให้กับลูกค้าหลายเจ้าในวันเดียวกัน จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ความรวดเร็ว และความปลอดภัยในการขนส่งเป็นอย่างมาก จึงต้องหาบริการขนส่งที่ไว้ใจได้ว่าสามารถส่งสินค้าตัวอย่างไปถึงลูกค้าได้ในสภาพที่ดีที่สุด ในเวลาที่ต้องการ

เลือกจากค่าบริการส่งพัสดุด่วนที่มีมาตรฐาน

ควรเลือกบริษัทขนส่งที่สามารถเช็กราคาจริงได้ก่อนสั่งงาน หรือมีการระบุค่าบริการเสริมที่ชัดเจน เพื่อควบคุมต้นทุนค่าขนส่งไม่ให้เกิดความวุ่นวายและบานปลายในภายหลัง

ส่งพัสดุด่วน กทม. ส่งสินค้าด่วน ส่งของด่วน

การเลือกบริษัทขนส่งที่ไว้ใจได้ และเป็นมืออาชีพจะช่วยให้การส่งสินค้าด่วนของคุณมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือมากขึ้น รวมถึงการใส่ใจในทุกรายละเอียดที่หน้างาน ทั้งตอนรับสินค้า และการส่งสินค้า จะช่วยยกระดับการบริการส่งของด่วนของคุณให้เป็นมืออาชีพได้อย่างแท้จริง

หากสนใจสามารถลองเช็กราคาได้ ที่นี่ หรือสามารถสมัครและ ทดลองใช้งาน SKOOTAR ขนส่งด่วนออนไลน์มือโปร ได้ที่ https://www.skootar.com/th/signup หรือใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน ได้ทั้งระบบ iOS และ Android

บทความที่เกี่ยวข้อง

*สกู๊ตตาร์ให้บริการเฉพาะพื้นที่กทม. และปริมณฑล 
* ระยะเวลาการจัดส่งเร็วสุดใน 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ สภาพการจราจร และสภาพภูมิอากาศขณะทำการขนส่ง
*ภาพในบทความใช้เพื่อประกอบการโฆษณาเท่านั้น *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด 

ส่งสินค้าด่วน ด้วยฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง* คุ้มค่าและรวดเร็ว

ส่งสินค้าด่วนราคาคุ้มค่า ด้วยฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง*

ส่งพัสดุด่วนกระจายสินค้าอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพด้วยฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง* สามารถเพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพราะในยุคที่การส่งสินค้าออนไลน์เติบโต การส่งพัสดุที่รวดเร็วกลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับธุรกิจทุกขนาด การใช้ฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง* เป็นอีกวิธีที่ตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้อย่างลงตัว

ส่งสินค้าด่วน ส่งของ ส่งพัสดุ ส่งพัสดุด่วน ส่งสินค้า

ทำไมต้องใช้ฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทางในการส่งสินค้าด่วน?

การส่งพัสดุด่วนด้วยฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทางช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น

  1. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
  2. ลดความผิดพลาดในการจัดส่งสินค้า
  3. เพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าของคุณด้วยการจัดส่งที่รวดเร็ว

ฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง ทำงานอย่างไร

ระบบจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลจุดส่งสินค้าทั้งหมด จากนั้นคำนวณและแนะนำเส้นทางที่เหมาะสมและรวดเร็วเพื่อให้การส่งพัสดุเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ

ส่งสินค้าด่วน ส่งของ ส่งพัสดุ ส่งพัสดุด่วน ส่งสินค้า

ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง

  1. ลดต้นทุนการขนส่ง: ด้วยเส้นทางที่ได้รับการวิเคราะห์มาอย่างดี ช่วยให้ประหยัดเวลา และค่าขนส่ง
  2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: พนักงานส่งสินค้าสามารถจัดส่งได้เร็วขึ้น ลดภาระงานด้านการวางแผนเส้นทางของพนักงานที่สั่งงาน อีกทั้งติดตามสถานะการจัดส่งได้ง่ายผ่านระบบ GPS
  3. ยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า: การส่งสินค้าที่รวดเร็วและตรงเวลาช่วยสร้างความประทับใจ

วิธีใช้งานฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง สกู๊ตตาร์

  1. ระบุจุดรับ-ส่ง
  2. กดเลือกประเภทรถ เช่น รถมอเตอร์ไซค์ รถกระบะ รถยนต์
  3. กดปุ่ม จัดเรียงเส้นทาง ระบบจะคำนวนเส้นทางที่รวดเร็ว และราคาค่าขนส่งที่คุ้มค่าให้คุณ

การส่งสินค้าด่วน หรือกระจายสินค้าด้วยฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทางไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดต้นทุนให้กับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับมาตรฐานการให้บริการ ทำให้การส่งพัสดุเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

สามารถทดลองใช้งาน SKOOTAR ขนส่งด่วนออนไลน์มือโปร ได้ที่ https://www.skootar.com/th/signup
หรือใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน ได้ทั้งระบบ iOS และ Android

*สกู๊ตตาร์ให้บริการเฉพาะพื้นที่กทม. และปริมณฑล
*ภาพในบทความใช้เพื่อประกอบการโฆษณาเท่านั้น
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

แมสเซ็นเจอร์ส่งเอกสาร รูปแบบไหนที่เหมาะกับคุณ

เลือกบริการส่งเอกสารแบบไหนดี? รายครั้ง รายวัน หรือรายเดือน

อยากส่งเอกสารให้ถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็ว แต่ไม่รู้จะเลือกบริการแบบไหนดี? มาดูข้อดีข้อเสียของบริการส่งเอกสารแบบต่างๆ ที่ทั้งช่วยประหยัดงบและเวลาได้ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และตอบโจทย์ตามความต้องการ

แมสเซ็นเจอร์ส่งเอกสาร แมสเซ็นเจอร์รายเดือน แมสฯ ส่งเอกสาร

เพราะในยุคที่การส่งเอกสารต้องรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ บริการแมสเซ็นเจอร์ส่งเอกสารจึงกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับธุรกิจทุกประเภท ทุกขนาด แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามีรูปแบบการให้บริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันตามการใช้งาน และในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าบริการแมสเซ็นเจอร์ส่งเอกสารแบบไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด

เปรียบเทียบ บริการแมสเซ็นเจอร์ส่งเอกสาร

1. บริการแมสเซ็นเจอร์ส่งเอกสาร รายครั้ง

ข้อดี
– เหมาะสำหรับการส่งเอกสารเป็นครั้งคราว
– ค่าใช้จ่ายตามจำนวนครั้งที่มีการใช้งานจริง

ข้อเสีย
– ราคาต่อครั้งอาจสูงกว่าแพ็กเกจอื่น
– ไม่เหมาะกับธุรกิจที่มีความต้องการส่งเอกสารบ่อย

2. บริการแมสเซ็นเจอร์ส่งเอกสาร รายวัน หรือแบบเหมาชั่วโมง

ข้อดี
– ยืดหยุ่นสูง สามารถใช้บริการได้หลายครั้งในช่วงเวลาที่กำหนด
– เหมาะสำหรับวันที่มีปริมาณงานส่งเอกสารจำนวนมาก
– ประหยัดกว่าแบบรายครั้งสำหรับการส่งหลายจุดในเวลาใกล้เคียงกัน
– เลือกเวลาได้ตามต้องการ ครึ่งวันหรือเต็มวัน
– สั่งงานครั้งเดียว ส่งได้หลายที่

ข้อเสีย
– อาจไม่คุ้มค่าหากใช้บริการไม่เต็มชั่วโมง
– ต้องวางแผนการใช้งานภายในวันให้ดีเพื่อให้มีความคุ้มค่าที่สุด

3. บริการแมสเซ็นเจอร์ส่งเอกสาร รายเดือน

ข้อดี
– ประหยัดที่สุดสำหรับธุรกิจที่มีความต้องการส่งเอกสารสม่ำเสมอทุกวัน ในจำนวนเยอะ
– เหมือนมีพนักงานประจำที่คุ้นเคย และเข้าใจในธุรกิจของคุณ ไม่ต้องคอยสอนงานบ่อย
– สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายล่วงหน้าได้
– มีแมสเซ็นเจอร์ทดแทน หากแมสเซ็นเจอร์ขาดงาน

ข้อเสีย
– มีค่าใช้จ่ายคงที่แม้ในช่วงที่มีปริมาณงานน้อย
– อาจไม่เหมาะกับธุรกิจที่มีความต้องการส่งไม่แน่นอน

เลือกบริการแมสเซ็นเจอร์ส่งเอกสารอย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจคุณ

  1. ประเมินความถี่ในการส่งเอกสารของคุณ
    โดยพิจารณาจากจำนวนครั้งที่คุณส่งเอกสารในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ หากส่งบ่อย อาจเหมาะกับแบบรายเดือน แต่หากส่งนานๆ ครั้ง แบบรายครั้งอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

  2. พิจารณางบประมาณ
    – คำนวณค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนสำหรับแต่ละรูปแบบบริการ

    – เปรียบเทียบกับงบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับการส่งเอกสาร
    – เลือกแบบที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดในระยะยาว
  3. คำนึงถึงความยืดหยุ่น และระยะเวลาที่ต้องการ
    ธุรกิจที่มีความต้องการส่งเอกสารที่ไม่แน่นอน อาจเหมาะกับแบบรายชั่วโมง แต่หากธุรกิจคุณต้องการเรียกใช้แมสเซ็นเจอร์อยู่บ่อยครั้ง หรือเรียกใช้ทุกวัน แบบรายเดือนอาจเหมาะกว่า

  4. คำนึงจากความเร่งด่วนของเอกสาร
    หากคุณรับส่งเอกสารเร่งด่วนหลายครั้งในวันหรือใช้ประจำตลอดเดือนการมีบริการแบบรายเดือน อาจช่วยให้จัดการได้รวดเร็วกว่า ไม่ต้องหาแมสฯ ใหม่ทุกครั้งที่ต้องการสั่งงาน
  5. ทดลองใช้บริการ
    – เริ่มต้นด้วยบริการแบบรายครั้งหรือรายชั่วโมงก่อน

    – ประเมินความพึงพอใจหลังใช้งาน 3-4 ครั้ง แล้วค่อยตัดสินใจเปลี่ยนเป็นแบบรายเดือน หากเห็นว่ามีความคุ้มค่ากว่า

การเลือกใช้บริการแมสส่งเอกสารที่เหมาะสมสามารถช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างมาก ไม่ว่าคุณจะเลือกรูปแบบไหน สกู๊ตตาร์พร้อมให้บริการคุณทุกรูปแบบด้วยความเป็นมืออาชีพ

หากสนใจใช้บริการสามารถทดลองใช้งาน SKOOTAR ขนส่งด่วนออนไลน์มือโปร ได้ที่ https://www.skootar.com/th/signup
หรือใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน ได้ทั้งระบบ iOS และ Android

บทความที่เกี่ยวข้องกับบริการแมสเซ็นเจอร์ ของสกู๊ตตาร์ 

 

*สกู๊ตตาร์ให้บริการเฉพาะพื้นที่กทม. และปริมณฑล
*ภาพในบทความใช้เพื่อประกอบการโฆษณาเท่านั้น
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ขนส่งสินค้ากับมืออาชีพ เพื่อยกระดับมาตรฐานธุรกิจของคุณ

              ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเลือกผู้ให้บริการด้านการขนส่งที่มีประสิทธิภาพถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความได้เปรียบด้านคุณภาพการบริการให้ธุรกิจคุณ ในบทความนี้จะนำเสนอแนวทางการเลือกบริการส่งพัสดุและส่งสินค้าที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการขนส่งให้ธุรกิจคุณ

ส่งพัสดุด่วน ส่งสินค้าด่วน ส่งพัสดุ ส่งสินค้า

ปัจจัยสำคัญในการเลือกบริการส่งพัสดุด่วนที่มีมาตรฐาน

ความเป็นมืออาชีพของพนักงานขนส่ง

การส่งสินค้าด่วนที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ คนขับควรได้รับการฝึกอบรมอย่างมืออาชีพ และตรวจประวัติ เพื่อรับประกันว่าสินค้าจะถูกจัดส่งอย่างระมัดระวังและส่งถึงมือผู้รับได้อย่างปลอดภัย

ความรวดเร็วในการจัดส่ง

บริการส่งพัสดุด่วนที่มีคุณภาพ ควรมีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถส่งมอบสินค้าได้ตรงตามเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ราคาที่คุ้มค่ากับคุณภาพ

การส่งสินค้าควรมีราคาที่สมเหตุสมผลและคุ้มค่ากับคุณภาพการบริการที่ได้รับ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินธุรกิจของคุณ

ความสะดวกในการใช้บริการ

ระบบการสั่งงานควรมีความง่ายและสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการสั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน เว็ปไซต์ หรือการสั่งงานที่รองรับการใช้งานในรูปแบบองค์กร

การติดตามสถานะสินค้า

บริการส่งพัสดุที่ดีควรมีระบบติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ช่วยให้คุณและลูกค้าของคุณสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งให้สามารถติดตามคนขับและสินค้าได้ตลอดเวลา

ส่งพัสดุด่วน ส่งสินค้าด่วน ส่งพัสดุ ส่งสินค้า

ประโยชน์ของการเลือกบริการส่งสินค้าที่มีคุณภาพ

  1. เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า การส่งมอบสินค้าที่รวดเร็ว และปลอดภัยจะช่วยสร้างความประทับใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของคุณ
  2. ลดต้นทุนการดำเนินงาน บริการขนส่งที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดความสูญเสียจากความเสียหายของสินค้าและการจัดส่งล่าช้า หรือลดปัญหาอื่นๆ เช่น สินค้าตกหล่นให้น้อยลงได้
  3. เพิ่มโอกาสที่เหนือกว่าระหว่างคุณกับคู่แข่ง หากคุณเลือกผู้ให้บริการด้านการขนส่งที่เชื่อถือได้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถขยายตลาดและรองรับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
  4. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ บริการจัดส่งที่มีคุณภาพจะส่งผลดีต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของธุรกิจคุณในสายตาของลูกค้า และอาจเกิดการบอกต่อในวงกว้างได้มากขึ้น

วิธีเลือกบริษัทขนส่งให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ

วิเคราะห์ความต้องการขนส่งของธุรกิจ

ประเมินปริมาณการส่งสินค้า ประเภทสินค้า และพื้นที่จัดส่งหลักของคุณ เช่น พื้นที่กทม. ปริมณฑล หรือจังหวัดอื่นๆ เพื่อเลือกผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญตรงกับความต้องการ

เปรียบเทียบบริการและราคา

รวบรวมข้อมูลจากผู้ให้บริการหลายราย เปรียบเทียบทั้งด้านคุณภาพการบริการและอัตราค่าบริการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าในระยะยาว

ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ

ศึกษาประวัติและชื่อเสียงของบริษัทขนส่ง อ่านรีวิวจากลูกค้าเก่า และสอบถามข้อมูลจากธุรกิจในเครือข่ายของคุณ

ประเมินเทคโนโลยีและระบบการจัดการ

เลือกผู้ให้บริการที่มีระบบการจัดการที่ทันสมัย มีแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย และมีระบบติดตามสถานะสินค้าที่มีประสิทธิภาพสามารถติดตามได้แบบเรียลไทม์

สอบถามการใช้บริการขนส่ง

เลือกบริษัทที่สามารถปรับเปลี่ยนบริการให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของธุรกิจคุณได้

ทดลองใช้บริการ

หากเป็นไปได้ ทดลองใช้บริการในปริมาณเล็กน้อยก่อน เช่น ลองใช้ 1 – 2 ครั้ง เพื่อประเมินคุณภาพการบริการจริง

ตรวจสอบนโยบายการรับประกัน

เลือกผู้ให้บริการที่มีนโยบายการรับประกันและการชดเชยที่ชัดเจนและเป็นธรรม

ประเมินการบริการของฝ่ายบริการลูกค้า

เลือกบริษัทที่มีทีมบริการลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ พร้อมให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา

              การเลือกบริการส่งพัสดุและส่งสินค้าที่มีคุณภาพ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบทั้งเรื่องความต้องการ และงบประมาณราคาที่สอดคล้องกับคุณภาพการให้บริการ คุณจะสามารถยกระดับมาตรฐานการให้บริการของธุรกิจคุณและเพิ่มข้อได้เปรียบทางการแข่งขันได้ในระยะยาว

              หากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการด้านการขนส่งมืออาชีพที่เชื่อถือได้ สกู๊ตตาร์ ขนส่งด่วนออนไลน์มือโปร ยินดีให้คำปรึกษาและนำเสนอบริการส่งพัสดุด่วนที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจคุณ 

สามารถทดลองใช้งาน SKOOTAR ขนส่งด่วนออนไลน์มือโปร ได้ที่
https://www.skootar.com/th/signup หรือใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน ได้ทั้งระบบ iOS และ Android

บทความที่เกี่ยวข้องกับบริการส่งพัสดุด่วน ของสกู๊ตตาร์ 

SKOOTAR – บริการ “ส่งพัสดุ” และ “ส่งสินค้า” มืออาชีพเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ

เชื่อมต่อ API ขนส่งกับสกู๊ตตาร์ ทำให้คุณสะดวกขึ้นได้อย่างไร

*สกู๊ตตาร์ให้บริการเฉพาะพื้นที่กทม. และปริมณฑล
*ภาพในบทความใช้เพื่อประกอบการโฆษณาเท่านั้น
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

e-Tax Invoice เรื่องต้องรู้ธุรกิจในยุคดิจิทัล

  • e-Tax Invoice หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการออกใบกำกับภาษีในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางระบบออนไลน์แบบ 100% ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจกิจการร้านค้าต่างๆ ลดขั้นตอนจัดเตรียม จัดส่งใบกำกับภาษีแบบกระดาษให้กับลูกค้าแถมยังสามารถส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ถึงกรมสรรพากรช่องทางอีเมล หรือเว็บไซต์กรมสรรพากรได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

  • e-Tax Invoice แบ่งออกได้เป็น e-Tax Invoice & Receipt และ e-Tax Invoice by Email ซึ่งจะตอบโจทย์ลักษณะกิจการที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้ประกอบการที่อยากเริ่มต้นใช้งาน e-Tax Invoice ก็ควรศึกษารายละเอียดต่างๆ ให้ครบถ้วน

ปัจจุบันโลกถูกเชื่อมต่อกันด้วยอินเทอร์เน็ต จึงทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างไร้พรมแดน รวมไปถึงการติดต่อซื้อ – ขาย และการทำธุรกรรมต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นในระบบออนไลน์เป็นจำนวนมาก ซึ่งภาครัฐก็ได้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จึงเกิดแนวคิดในการพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบของการดำเนินการยื่นเอกสาร ทำธุรกรรม หรือจัดเก็บหลักฐานต่างๆ ในแบบใหม่ ที่เรียกว่า e-Service ซึ่งเป็นการดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อผู้ประกอบการ ลูกค้า ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งในปัจจุบันกรมสรรพากรกำลังทำหน้าที่พัฒนาระบบขั้นตอนการบริการยื่นเอกสาร และรวมไปถึงการออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของใบกำกับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipts) ที่จัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก และลดภาระต้นทุนในส่วนของการนำส่ง การจัดเก็บใบกำกับภาษีแบบกระดาษ ให้เจ้าของธุรกิจได้อีกด้วย แต่การจะออกใบกำกับภาษี หรือใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เหมือนเป็นการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมดนั้น จะต้องใช้การป้องกัน การดูแลข้อมูลที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

e-Tax Invoice คืออะไร

e-Tax Invoice หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการออกใบกำกับภาษีในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางระบบออนไลน์แบบ 100% ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจ กิจการร้านค้าต่างๆ ลดขั้นตอนจัดเตรียม จัดส่งใบกำกับภาษีแบบกระดาษให้กับลูกค้าแถมยังสามารถส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ถึง กรมสรรพากรช่องทางอีเมล หรือเว็บไซต์กรมสรรพากรได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

e-Tax Invoice กับ 4 ประโยชน์ที่ควรรู้

สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังศึกษาและอยากรู้ว่าการปรับเปลี่ยนจากจัดทำใบกำกับภาษีในรูปแบบกระดาษมาเป็นการใช้งาน e-Tax Invoice จะมีข้อดีอย่างไร ในหัวข้อนี้มีคำตอบ

  1. ป้องกันข้อมูลสูญหาย หรือได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง เนื่องจากการจัดเก็บใบกำกับภาษีในรูปแบบกระดาษมีความเสี่ยงจากการจัดเก็บที่ไม่เป็นระบบ ทำให้ยากต่อการค้นหา หรือในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยจากภัยธรรมชาติต่างๆ เอกสารก็อาจได้รับความสูญหายได้ ซึ่ง e-Tax Invoice จะช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว
  2. ลดต้นทุนแฝง ในการจัดทำใบกำกับภาษีในรูปแบบกระดาษ มีต้นทุนในการดำเนินการทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นค่ากระดาษ ค่าหมึกพิมพ์ ซึ่งการปรับเปลี่ยนมาใช้งาน e-Tax Invoice จะช่วยลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ลงไปได้
  3. สามารถตรวจสอบความถูกต้อง โปร่งใส ของใบกำกับภาษีได้อย่างสะดวก รวดเร็วเนื่องจากใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จะถูกเก็บในระบบเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (Service Provider) โดยอัตโนมัติ สามารถเข้ามาตรวจสอบย้อนหลังได้ตามต้องการ
  1. รองรับสิทธิประโยชน์จากทางภาครัฐ จะเห็นได้ว่าหลายๆ มาตรการของรัฐบาลที่ประกาศออกมา ส่งเสริมให้กิจการหรือร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น เช่น มาตรการช้อปดีมีคืน 2566 มาตรการลดหย่อนภาษีประจำปี มูลค่า 30,000 บาท สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และลดหย่อนเพิ่มได้อีก 10,000 บาท เมื่อใช้ใบกำกับภาษีหรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) และล่าสุดปี 2567 กับโครงการ Easy E-Receipt โดยประชาชนที่ใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากผู้ประกอบร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ในมูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายให้กับผู้ประกอบการได้

e-Tax Invoice จะต้องมีรายละเอียดสำคัญอะไรบ้าง?

  1. เป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ประเภท

– .pdf (Portable Document Format)

– .doc, .docx (Microsoft Word Document)

– .xls, .xlsx (Microsoft Excel)

  1. ภายใน 1 ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 3 MB
  2. ข้อมูลรายละเอียดที่อยู่ในไฟล์เอกสารจะต้องไม่ใช่รูปภาพ ต้องไม่มีการถ่ายภาพหรือการแปลงไฟล์จากเอกสารกระดาษมาเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เด็ดขาด
  3. ต้องมีการลงลายเซ็นดิจิทัล (Digital Signature) หรือประทับรับรองเวลา (Time Stamp) ผ่านระบบ e-Tax Invoice by Email เพื่อให้เอกสารนี้ถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถใช้เป็นหลักฐานสำคัญในทางกฎหมายได้อีกด้วย

e-Tax Invoice มีทั้งหมดกี่รูปแบบ…ใช้แตกต่างกันอย่างไร?

e-Tax Invoice หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ มีทั้งหมด 2 รูปแบบ ดังนี้

e-Tax Invoice & Receipt

e-Tax Invoice & Receipt  เป็นรูปแบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจ หรือกิจการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat 7%) ในรูปแบบไม่จำกัดรายได้ ซึ่งจะจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรในรูปแบบของไฟล์ .xml เท่านั้น

ถ้าหากจำเป็นต้องใช้ในรูปแบบอื่น หรือไฟล์นามสกุลอื่น ให้มีการลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) เพื่อส่งมอบให้ลูกค้าผู้ซื้อสินค้า หรือบริการทุกครั้งที่มีการซื้อ – ขายเกิดขึ้น

คุณสมบัติของผู้ประกอบการที่ขอจัดทำ e-Tax Invoice & e-Receipt 

มีดังต่อไปนี้

  1. เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
  2. มีใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Certificate) ที่อยู่ภายใต้การรับรองของผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (NRCA) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)
  3. มีระบบการควบคุมภายในที่ดี สามารถพิสูจน์ได้ว่าใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดทำและนำส่งให้แก่ผู้รับมีความถูกต้องครบถ้วนโดยใช้วิธีการที่เชื่อถือได้
  4. ต้องไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับอนุมัติหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติโครงการใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice by Time Stamp)

ขั้นตอนการทำงานของระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt

  1. จัดทำข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามรูปแบบที่กำหนดในรูปแบบ XML หรือรูปแบบอื่นที่ลงลายมือชื่อดิจิทัล
  2. ส่งมอบให้ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
  3. นำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร ด้วยวิธีต่างๆ 3 วิธี ดังต่อไปนี้

3.1 Web upload เป็นการส่งข้อมูลให้กับสรรพากร โดยการอัปโหลดเอกสารในรูปแบบ XML ให้แก่กรมสรรพากรผ่านทางเว็บไซต์ etax.rd.go.th

3.2 Service provider เป็นการเลือกใช้บริการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์กับผู้ให้บริการส่งข้อมูลที่กรมสรรพากรรับรอง

3.3 Host to host สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการส่งข้อมูลจำนวนมาก (ไม่น้อยกว่า 500,000 ฉบับ/เดือน) และอยู่ในการกำกับดูแลของกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่

e-Tax Invoice by Time Stamp

e-Tax Invoice by Time Stamp หรือ e-Tax Invoice by Email นั้นเป็นรูปแบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจ หรือกิจการ ขนาดเล็กที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท/ปี และจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) ซึ่งรูปแบบนี้จะต้องจัดทำเฉพาะใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นไฟล์ PDF/A-3 เท่านั้น เจ้าของธุรกิจหรือกิจการจะต้องส่งอีเมลให้ลูกค้า และจัดทำสำเนา (CC) ไปที่ csemail@etax.teda.th เพื่อให้ระบบประทับรับรองเวลา (Time Stamp) จากนั้นระบบ e-Tax Invoice by Time Stamp จะส่งอีเมลที่มีประทับรับรองเวลาไปยังอีเมลของลูกค้า และเจ้าของธุรกิจ หรือกิจการเพื่อจัดเก็บเป็นหลักฐาน และนำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลาไปยื่นด้วยตัวเอง

คุณสมบัติของผู้ประกอบการที่ขอจัดทำ e-Tax Invoice by Time Stamp

ผู้ประกอบการที่ต้องการขอจัดทำ e-Tax Invoice by Time Stamp จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  1. เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
  2. กิจการมีรายได้ไม่ควรเกิน 30 ล้านบาทต่อปี (แม้รายได้จะเกินเกณฑ์ แต่ถ้ามีการออกใบกำกับภาษีต่อเดือนจำนวนไม่มากก็สามารถสมัครได้ครับ)
  3. ต้องไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับอนุมัติหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติโครงการใบกำกับภาษีและใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt)
  4. ไม่มีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงการเสียภาษี ไม่มีประวัติการออกและใช้ใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

e-Tax Invoice by Time Stamp ทำงานอย่างไร

  1. ผู้ออกใบกำกับภาษี (ผู้ขายหรือผู้ให้บริการ) สร้างใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ในรูปแบบ PDF/A-3
  2. ผู้ออกใบกำกับภาษีใช้อีเมลที่ลงทะเบียนไว้กับกรมสรรพากรส่งใบกำกับภาษีให้กับผู้ซื้อทางอีเมล (ระบุได้ 1 อีเมลเท่านั้น) และสำเนาอีเมล (E-mail CC) ไปยังระบบกลางของสพธอ.(ETDA) หรืออีเมล csemail@etax.teda.th เพื่อประทับรับรองเวลา โดยอีเมล 1 ฉบับ แนบไฟล์เพียง 1 ไฟล์เท่านั้น
  3. ใบกำกับภาษีที่ส่งไปยังสพธอ. (ETDA) จะได้รับการประทับรับรองเวลา จากนั้นระบบจะทำการจัดส่งใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการประทับรับรองเวลาไปยังผู้ออกใบกำกับภาษีและผู้ซื้อหรือผู้รับบริการ ซึ่งถือว่าเป็นใบกำกับภาษีที่ถูกต้อง

               จากบทความข้างต้นจะเห็นได้ e-Tax Invoice ช่วยให้เจ้าของธุรกิจ กิจการร้านค้าต่างๆ ลดขั้นตอนจัดเตรียม จัดส่งใบกำกับภาษีแบบกระดาษให้กับลูกค้าแถมยังสามารถส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ถึงกรมสรรพากรได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เพราะฉะนั้น ผู้ประกอบการยุคใหม่จึงไม่ควรรอช้า เข้าร่วมใช้งาน e-Tax Invoice เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วยการทำงานแบบมืออาชีพ 

 

PEAK โปรแกรมบัญชียังสามารถออกเอกสารด้านภาษี รองรับการจัดทำและส่ง e-Tax Invoice ได้อย่างสะดวกรวดเร็วในทุกขั้นตอน 

ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท

คลิก https://bit.ly/PEAK-Skootar (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

.

PEAK Call Center : 1485

LINE : @peakaccount

สอบถามเพิ่มเติม คลิก https://m.me/peakengine

ฟีเจอร์ใหม่ ให้ทิปคนขับหลังจบงาน

ให้ทิปทันที หลังงานเสร็จ

  1. เมื่องานเสร็จสิ้น และกดให้คะแนนคนขับ (ให้ทิปได้เฉพาะคนขับ 4-5 ดาว)
  2. เลือก/ระบุจำนวนทิปสูงสุด 1,000 บาท
  3. นำ QR code ไปสแกนโอนผ่านธนาคาร
  4. แนบสลิป เพื่อเป็นหลักฐานการโอนโดยสามารถแก้ไขแนบสลิปใหม่ได้ หรือสามารถให้ทิปคนขับได้อีกครั้ง โดยคลิกที่ปุ่ม ให้ทิป

ให้ทิป ย้อนหลัง

  1. คลิกเข้าไปที่หน้า งานที่สั่ง และเลือกงานที่ต้องการ
  2. กด “ให้ทิป”
  3. ให้คะแนนคนขับ (ให้ทิปได้เฉพาะคนขับ 4-5 ดาว)
  4. เลือก/ระบุจำนวนทิปสูงสุด 1,000 บาท
  5. นำ QR code ไปสแกนโอนผ่านธนาคาร
  6. แนบสลิป เพื่อเป็นหลักฐานการโอนโดยสามารถแก้ไขแนบสลิปใหม่ได้ หรือสามารถให้ทิปคนขับได้อีกครั้ง โดยคลิกที่ปุ่ม ให้ทิป